สารอาหารที่สำคัญ
เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง

มะเร็งเป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติไปจากเดิมจากการที่สารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ (DNA) ซึ่งจะส่งผลให้เซลล์มีขนาด มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์อย่างรวดเร็วและมากจนผิดปกติจนร่างกายควบคุมไม่ได้ ดังนั้นเซลล์ผิดปกติที่เกิดขึ้นและเจริญลุกลามจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ส่งผลให้เซลล์ปกติของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่าง ๆ เหล่านี้ได้รับผลกระทบ เซลล์ผิดปกติไม่สามารถทำงานได้ตามหน้าที่ปกติและต่อเนื่องในระยะเวลานานก็จะเป็นสาเหตุให้เกิดการสูญเสียการทำงานและส่งผลให้เสียชีวิตได้
รายงานของ World Cancer Research Fund International ปี ค.ศ. 2015 อาหารและปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็ง ได้แก่

1. น้ำหนักตัวเกินและอ้วน (Overweight and Obesity) เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
มะเร็งเต้านม มะเร็งท่อน้ำดีและถุงน้ำดี มะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

2. เนื้อสัตว์แปรรูป (Processed meat) ตัวอย่างเช่น เบคอน แฮม ไส้กรอก เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และมะเร็งกระเพาะอาหาร

3. เนื้อแดงปริมาณสูง (Red meat) ตัวอย่างเช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่และ
ทวารหนัก

4. อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (High glycemic index) เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial Cancer)

5. อาหารที่มีสารพิษจากเชื้อราที่ชื่อว่า Aflatoxins ตัวอย่างเช่น ถั่วและธัญพืชเมล็ดแห้ง พริกแห้ง ผลไม้แห้ง
พริกไทยป่น เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ

6. อาหารที่มีการถนอมอาหารด้วยเกลือ (Food preserved by salting) ตัวอย่างเช่น ผักดอง เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะอาหาร
7. แอลกอฮอล์ (Alcohol) เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งช่องปากและลำคอ มะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหาร

8. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene supplements) เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปอด
ความต้องการในอาหาร 5 หมู่ของผู้ป่วยโรคมะเร็ง

อาหารหมู่ที่ 1 ข้าว แป้ง น้ำตาล (สารอาหาร: คาร์โบไฮเดรต)
เน้นคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการทำให้สุกเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของคนที่เป็นมะเร็งค่อนข้างจะต่ำ ดังนั้นอาหารควรผ่านความร้อนและปรุงสุกใหม่ รับประทานทันทีไม่ควรทิ้งเอาไว้นานหรือวางทิ้งไว้ พยายามเลือกธัญพืชหรือธัญชาติที่ไม่ผ่านการขัดสีหรือขัดสีที่น้อยเพื่อให้ได้สารอาหารและสารพฤกษเคมีที่มากกว่า พยายามปรุงประกอบอาหารให้ได้ข้าว แป้งที่อ่อนนุ่ม ง่ายต่อการย่อยและดูดซึม
ปริมาณที่แนะนำคือ 8-12 ทัพพีต่อวัน

อาหารหมู่ที่ 2 เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง (สารอาหาร: โปรตีน)
มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากในผู้ที่เป็นมะเร็งมีอัตราของการสลายโปรตีนของร่างกายเพิ่มขึ้นกว่าคนปกติ
จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับโปรตีนที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายให้ได้เพียงพอ โปรตีนยังทำหน้าที่ช่วยรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดี หากร่างกายไม่ได้รับโปรตีนเพียงพอก็จะยิ่งเร่งการสลายโปรตีนของกล้ามเนื้อออกมา
แหล่งของโปรตีนที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็น เช่น เนื้อปลา เนื้ออกไก่ ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง (ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วขาว ถั่วดำ) ถั่วเปลือกแข็ง หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการปรุงสุกหรือให้ความร้อนที่พอเหมาะ
ปริมาณโปรตีนที่แนะนำคือ 1-1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวัน หรือวันละ 8-15 ช้อนกินข้าว

อาหารหมู่ที่ 3 ไขมันและน้ำมัน (สารอาหาร: ไขมัน)
เนื่องจากร่างกายมีความต้องการพลังงานสูงขึ้นร่วมกับการอักเสบของร่างกายเพิ่มขึ้น อาหารกลุ่มไขมันมีความสำคัญทั้งเรื่องของการให้พลังงาน ช่วยดูดซึมวิตามินและไขมันที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ก็จะช่วยลดการอักเสบ ในขณะเดียวกันไขมันบางประเภทอาจยิ่งเร่งให้เกิดการอักเสบได้ ดังนั้นจึงควรเลือกไขมันให้ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสม เลือกไขมันและน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวเป็นหลัก เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดชา น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า น้ำมันจากเมล็ดแฟลกซ์ ถั่วเปลือกแข็ง หลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์
ปริมาณที่แนะนำคือ 20-35% ของพลังงาน

อาหารหมู่ที่ 4 ผัก (สารอาหาร: วิตามินและแร่ธาตุ)
ผักและผลไม้รวมกันควรให้ได้ 400 กรัมต่อวัน เลือกผักหลากหลายสีและหากเลือกผักออร์แกนิคได้จะช่วยเรื่องลดความเสี่ยงต่อการได้รับสารตกค้างจากยาฆ่าแมลง พยายามเลือกผักที่ผ่านการปรุงสุก เช่น นึ่ง ต้ม อบ เพราะจะทำให้ย่อยง่ายกว่า และหลีกเลี่ยงเชื้อต่าง ๆ ที่อาจติดมากับผักที่ไม่สะอาดได้ เลือกผักที่มีคุณสมบัติเป็นสมุนไพรในเมนูอาหาร เช่น กระเทียม หัวหอม ใบกะเพรา ใบแมงลัก โหระพา ในผักตระกูลกะหล่ำมีสารอาหารสำคัญในการต้านการอักเสบ ผักตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ บรอกโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี และคะน้า ผักกลุ่มแครอท มะเขือเทศมีเบต้าแคโรทีนและ
ไลโคปีนช่วยลดเซลล์มะเร็ง
ปริมาณผัก 3-5 ฝ่ามือต่อวัน

อาหารหมู่ที่ 5 ผลไม้ (สารอาหาร: วิตามินและแร่ธาตุ)
เลือกผลไม้หลากหลายสี เช่น สีม่วง สีเขียว สีขาว สีส้ม สีแดงเนื่องจากแต่ละสีให้คุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพแตกต่างกัน ล้างผลไม้ให้สะอาดเพื่อลดยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีที่มีการตกค้างหรือพวกเชื้อราต่าง ๆ ที่อาจติดมาได้ ควรปอกเปลือกเพื่อช่วยลดสารเคมีต่าง ๆ ผลไม้ที่มีสีม่วงแดงมีรงควัตถุ ที่ชื่อว่า แอนโทไซยานิน ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดเซลล์มะเร็ง พบในองุ่น พืชตระกูลเชอร์รีและเบอร์รีต่าง ๆ สีส้มมีสารเบต้าแคโรทีน (beta-carotene) ลูทีน (lutein) ซีแซนทีน (zeaxanthin) สารต้านอนุมูลอิสระช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ส้ม ฟักข้าว
ควรบริโภคผลไม้วันละ 2-3 ส่วน โดย 1 ส่วนประมาณ 1 ฝ่ามือ
ตาราง พลังงานและสารอาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตามคำแนะนำของ ESPEN ปี ค.ศ. 2014 และ World Cancer Research Fund International ปี ค.ศ. 2015
ข้อแนะนำด้านอาหาร | |
พลังงาน | 25-30 แคลอรีต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวัน |
คาร์โบไฮเดรต | 55-65% ของพลังงานทั้งหมด ใยอาหาร 25 กรัมต่อวัน |
โปรตีน | 1-1.5 กรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน |
ไขมัน | 20-35% ของพลังงาน ไขมันอิ่มตัวน้อยกว่า 10% |
โซเดียม | น้อยกว่า 2 กรัมต่อวัน |
น้ำตาล | ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา |
ตารางแสดงผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์จากการทำบำบัดรักษามะเร็ง

SHARE